๒๔. ช่างคุย ตอน Japanese AV 1 และ 2

JAV 1 และ 2 (ธันวาคม ๒๕๕๓)

ผมจำไม่ได้จริงๆว่า เรานัดกันได้อย่างไร จำได้แต่ว่า ชวนกันเล่นๆ ไปๆมาๆ หลายๆคน มีรัฐ สุภาพ (http://www.Twitter.com/rudsooparb) ด้วยแน่ๆ แต่ผมจำไม่ได้ว่า ผมชวนภาวุธ (http://www.Twitter.com/pawoot) และศุภเดช (http://www.twitter.com/ripmilla) มาได้อย่างไร (น่าจะเป็นการชวนหลังจากบันทึก Entrepreneur)  แต่คิดว่า ตอนแรกที่เราชวนกันมา มีรัฐ ภาวุธ และศุภเดช  เท่านั้นเอง โดยกำหนดสถานที่ว่า ขอใช้ Tarad.com โดยที่ผมเองก็ไม่เคยไปมาก่อน แต่คิดว่า น่าจะมีห้องประชุมให้ใช้ได้ โดยไม่คิดว่าจะเป็นห้องสัมมนาด้วย ซึ่งเหมาะมาก

พอถึงวันบันทึก ปรากฏว่า ทั้ง ป้อม (ภาวุธ)และโก๋ (ศุภเดช) ติดงานของสมาคมเว็บฯ ทำให้ต้องเลื่อนการบันทึกออกมาเป็นตอนเย็นๆ กว่าจะได้บันทึกวันนั้น ก็น่าจะประมาณ หกโมงเย็น โดยก่้อนที่จะบันทึกไม่กี่ชั่วโมง เจ้าโก๋็ก็โทรเข้ามา ขออนุญาติพาเพื่อนมาอีกคน บอกว่า “คนนี้ ผมรับรองครับพี่ ตัวจริงหนังญี่ปุ่น” เมื่อถึงเวลา โก๋ก็แนะนำเพื่อนให้รู้จัก บอกว่าชื่อ แมว (กนล หรือ http://www.twitter.com/porpeangseller ต่อมาเปลี่ยนเป็น http://www.twitter.com/MrMaew) ถ้าผมจำไม่ผิด เจ้าแมวไม่รู็จักช่างคุยเลย แต่ด้วยความที่เป็นคนรู้เรื่องนี้จริงๆ ก็เลยมีข้อมูลออกมาแน่นๆจริงๆ รัฐกับป้อม ก็เพิ่งจะรู้จักกันวันนั้นเอง โดยที่รัฐไม่รู้จัก Tarad.com มาก่อนด้วยซ้ำ

เนื่องจากว่า ในวันนั้น ภรรยาผมมีธุระเรื่องงาน ทำให้ผมต้องพาลูกทั้งสองคน มาบันทึกรายการด้วย นึกแล้วก็ตลก ที่ต้องมาบันทึกเรื่องแบบนี้ โดยมีลูก ๒ คนวิ่งเล่นอยู่หลังห้องประชุม โชคดีที่วันนั้น ได้อุ้มมาช่วยงาน โดยมีผม ไท ทัน และอุ้ม มาถึงที่ตึก Tarad.com ก่อน ให้โชคดีว่า เจอแม่บ้านของตึก ที่กำลังจะปิดตึกพอดี ทำให้เราสามารถเข้าไปจัดสถานที่ก่อนที่ ป้อมจะมาได้ (โดยผมโทรไปให้ป้อมช่วยคุยกับแม่้บ้่าน)

การเตรียมการ ไม่ยากมากนัก เพราะเป็นห้องสัมมนา มีระบบเสียงอยู่ในระดับหนึ่งแล้ว ห้องใหญ่และมีแอร์เปิด (สำคัญมาก สำหรับรัฐ) ผมกับรัฐช่วยกันออกค่าพิซซา เพื่อรองท้องให้ผู้ร่วมรายการได้กินกันก่อน

สรุปว่า เรามีคนร่วมรายการทั้งหมด ๕ คน คือ รัฐ ป้อม โก๋ แมว และ ผม โดยมีอุ้มและวิทย์ มาช่วยบันทึกรายการเหมือนเดิม ผมออกจะไม่พอใจลักษณะของห้องอยู่นิดที่เป็นห้องพื้นปูน เสียงก้อง และเรามีไมค์ไม่ครบคน แต่ก็ถือว่า ไม่แย่เกินไปนัก

เราบันทึกรายการแบบมีหัวข้อเล็กน้อย เพราะผมนึกไม่ออกจริงๆว่า เราจะคุยเรื่องอะไรกัน มันดูแล้ว ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่คุยกันเป็นชั่วโมงๆได้ และไม่ใช่เรื่องที่จะมีคนที่ไหน จะยอม(หน้าด้าน)เปิดเผยหน้าตา ตัวตน เล่าเรื่องแบบนี้ออกอากาศ ผมก็เลยใส่หัวข้อเข้ามานิดหน่อย ส่วนรัฐเอง ก็ทำการบ้านมาบ้่าง โดยมีรูปภาพประกอบ ในแบบที่ผมไม่กล้านำออกอากาศได้ โชคดีที่คุณภาพของภาพลดลงไปมาก เมื่อนำขึ้นโปรเจ็คเตอร์เป็นฉากหลัง และบันทึกผ่านวิดีโอด้่านหน้าอีกที

ใครจะไปนึกว่า เจ้าสี่คนนี้ สามารถหาเรื่องมาคุยได้ เกือบๆ ๒ ชั่วโมง โดยที่อยู่ๆ ก็มีผู้ร่วมรายการคนที่หก เดินเข้ามาร่วมรายการ ระหว่างบันทึกด้วย ซึ่งก็คือ เจ้าโบ๊ต (http://www.Twitter.com/Jetboat26) นั่นเอง ตามคำเชิญของป้อม และโบ๊ต ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถให้ข้อมูลลื่นไหลไปในรายการได้เป็นอย่างดี ดูเหมือนว่า การทำหัวข้อต้องห้ามแบบนี้ กลายเป็นแหล่งปลดปล่อยของผู้ร่วมรายการ หลายๆครั้ง ดูเป็นการแย่งกันพูดด้วยซ้ำ ฟังแล้วเฮฮาไปอีกแบบ

แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่้า เราคุยกันไปเกือบ ๑ ชั่วโมง ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดเรื่องคุย เราเลยต้องพักกันนิดหน่อย แน่นอนว่า ลีลาการพูดไป Tweet ไปของป้อม ทำให้ #Changkhui กลายเป็น talk of the town ในหมู่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในเมืองไทยขึ้นมาทันที ระหว่างนั้น ภรรยาผม ก็ตามมา แล้วก็รับลูกกลับไปก่อน เพราะเด็กๆไม่ค่อยมีอะไรให้ทำมากนัก (อีก ๑๐ ปีข้างหน้า ไทกับทันอาจจะนึกเสียใจก็ได้)

วันนั้นเป็นอีกวันที่เหนื่อยมาก แม้จะไม่ได้ต้องดู production มากนัก เพราะมีอุ้มและิวิทย์อยู่ แต่ก็เหนื่อยอยู่ดีในฐานะโปรดิวเซอร์ ที่ต้องนึกอยู่ตลอดว่า จะต้องทำอะไรต่อ และดูเหมือนว่า ความคาดหวังของทั้งคนพูดและคนที่ตามข่าวจากทวิตเตอร์ จะอยากให้ปล่อยเทปเร็วๆ ผมก็ยิ่งอยากกลับไปทำ post-production เร็ว เพื่อบันทึกเสร็จแล้ว ผมก็เลยรีบกลับ โดยลืมคิดไปว่า น่าจะไปทานอาหารร่วมกันหน่อย

ผมรีบกลับมา post-production อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อทำเสร็จแล้ว ผมกลัวมากที่จะปล่อยเทปนี้ออกไป เพราะเป็นหัวข้อที่หมิ่นเหม่ จะโดนต่อว่า แต่อารมณ์สนุกมีมากกว่า ประกอบกับการที่เราทำรายการมากว่า ๔ ปีแล้ว (ในเวลานั้น) น่าจะทำให้เราไม่โดนต่อว่ามากนัก ที่ผ่านๆมา เราก็ทำอะไรที่สนุก ไม่น้อย น่าจะมีผู้รับชมหลายๆท่านรับได้ และการที่ผมใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง ใส่เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้ น่าจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบแล้ว ในระดับหนึ่ง

ผลตอบรับออกมา กลายเป็นดีมากๆ แทบจะไม่มีใครมาต่อว่าในแง่เสียๆหายๆเลย จะมีบ้าง ก็ในแง่ข้อมูลที่ผิดพลาดมากกว่า (ซึ่งเป็นเรื่องที่เราเจออยู่แล้วทุกตอน) ผมนึกไม่ถึงว่า จะมีผู้ฟังบางท่านบอกว่า นำเทปนี้ไปเปิดในรถ ฟังกันทั้งพ่้อ แม่ และลูก หัวเราะกันทั้งคันอย่างสนุกสนาน ทำให้การเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ ไม่น่าเบื่อเลย จะว่าไป ก็มีผู้ฟังไม่น้อยเลย บอกว่า รู้จัก ช่างคุย ครั้งแรก ก็เทปนี้ เราควรจะดีใจไหมเนี่ย

ไว้ต่อ entry หน้านะครับ